
ย้อนเหตุการณ์
1-โศกนาฏกรรม #กราดยิงโคราช ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี จากทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ได้บุกเข้ายิง พ.อ.อนันต์ ภูโรจน์กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาพร้อมกับแม่ยายจนเสียชีวิตที่บ้านพัก ก่อนจะเข้าปล้นอาวุธปืนพร้อมกระสุนจากคลังอาวุธในค่ายทหาร และหลบหนีออกมาด้วยรถฮัมวี่ของทางค่ายหนีไปที่ “วัดป่าศรัทธารวม” อ.เมืองนครราชสีมา และยิงชาวบ้านที่ผ่านไปมาในบริเวณนั้น แม้กระทั่งรถที่ขับสวน อีกทั้งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตหลายรายในจุดนั้น
2-ตกเย็นประมาณ 18.00 คนร้ายจึงเดินทางไปยังห้างเทอร์มินอล21 และกราดยิงผู้บริสุทธิ์ที่สัญจรไปมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิตหลายราย ก่อนจะยิงถังแก๊สหน้าห้างจนไฟลุกโหม แล้วถ่ายรูปตนลงโพสต์ในเฟซบุค ในขณะที่ผู้คนที่อยู่ในห้างส่วนใหญ่ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ จึงซ่อนตัวกันอยู่ข้างในจำนวนมาก โดยคนร้ายที่บุกเข้าไปในห้างก็ยิงสังหารผู้บริสุทธิ์แทบทุกคนที่พบเจอ พร้อมกับมีการจับตัวประกัน

3-จนเวลาประมาณ 20.00 เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการพาแม่ของคนร้ายเข้าไปเกลี้ยกล่อมลูกชายแต่ก็ไม่เป็นผล ประมาณ 23.00 เป็นต้นไป พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม พร้อมด้วยทีมหนุมานและตำรวจกองปราบปรามเกือบ 50 นายจึงเข้าควบคุมสถานการณ์ในห้าง และช่วยเหลือประชาชนออกมาได้ประมาณเที่ยงคืน จากนั้นจึงมีการพยายามเข้าจับกุมคนร้ายจนเกิดการยิงปะทะหลายรอบ จนในที่สุดได้ทำการวิสามัญคนร้ายในเวลาประมาณ 9.00 วันรุ่งขึ้น
4-เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 ราย และบาดเจ็บอีก 57 ราย
5-จากการที่คนร้ายโพสต์เฟซบุคส่วนตัวในวันก่อเหตุว่า “ยังไงก็หนีความตายไม่พ้นทุกคน ร่ำรวยจากการโกง การเอาเปรียบคนอื่น มันคิดว่า จะเอาเงินไปใช้ในนรกได้รึไง” คล้องกับบทสรุปเหตุผลของการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ว่าเป็นเพราะความขัดแย้งเรื่องการขายที่ดิน โดยคนร้ายเป็นนายหน้าขายที่ดินให้แม่ยายของผู้บังคับบัญชา ซึ่งติดค้างค่านายหน้าหลายแสนบาท แต่พอมีการทวง คนร้ายกับถูกสั่งลงโทษ นำมาซึ่งความคับแค้นใจจนเป็นชนวนความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ไว้อาลัยให้กับ “มนุษยธรรม” ของประยุทธ์ จันทร์โอชา #ตู่แจกมินิฮาร์ท
6-ในเวลา 12.00 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังเหตุสงบ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ พร้อมกล่าวชื่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร และตำรวจ แต่ปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดเจ้าหน้าที่ “เพราะกระสุนมาจากคนร้าย ไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่” อีกทั้งปฏิเสธเรื่องความหละหลวมของทหารที่ทำให้คนร้ายก่อเหตุร้ายในค่ายทหารแท้ ๆ และปล้นอาวุธออกมายิงประชาชนได้ ด้วยให้เหตุผลว่ามีทหารดูแลคลังกระสุนอยู่

7-และแม้ว่าชนวนปัญหาจะเกิดขึ้นในค่ายทหาร ในวงการทหาร และเกิดจากปัญหาการทุจริตเอาเปรียบที่ทหารยศใหญ่ทำกับทหารชั้นผู้น้อย แต่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว พร้อมกับส่งท้ายการแถลงด้วยการชูนิ้วมือ “มินิฮาร์ท” พร้อมกับยิ้มกว้างเพื่อเป็นกำลังใจให้ชาวโคราช ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ท่าที” ที่ไม่ได้มีความสลดเสียใจร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดและไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจผู้สูญเสียเลยแม้แต่น้อย

ไว้อาลัยความรับผิดชอบของทหารไทย #น้ำตาไอ้แดง
8-วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาแถลงการณ์หลังเหตุกราดยิง เพื่อแก้ต่างให้กับกองทัพ ว่าแม้ชนวนก่อเหตุจะเกิดจากความขัดแย้งของคนในกองทัพ แต่ “เมื่อผู้ก่อเหตุลั่นไก เขาเป็นอาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว”
9-ผบ.ทบ. ยังกล่าวพร้อมน้ำตาอีกว่า “ขอแสดงความเสียใจ ที่มีคนตำหนิกองทัพบก มีคนด่าว่ากองทัพบก กองทัพบกเป็นองค์กรแห่งความศักดิ์สิทธิ์เป็นองค์กรความมั่นคง ทหารอยู่ชายแดนยังต้องเสี่ยงชีวิตปกป้องอธิปไตยของชาติ ช่วยเหลือน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ป่า อย่าด่าว่ากองทัพบก อย่าด่าทหาร ถ้าจะด่าท่านมาด่าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำติหนิทุกอย่าง” แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกแต่อย่างใด

สัญญาเอาไว้ว่า “ปฏิรูปกองทัพ” ภายใน 100 วัน?
10-นอกจากรัฐบาลมีการเยียวยาผู้สูญเสียโดยมอบเงินชดเชย 1 ล้านบาทให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต 2 แสนบาทสำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส และผู้บาดเจ็บรายละ 1 แสนบาท อีกทั้งทางจังหวัดนครราชสีมายังรวบรวมเงินบริจาคมอบให้กับผู้เสียหายดังกล่าวทั้งหมด
11-ในด้านของกองทัพ ผบ.ทบ.ได้สัญญาว่าจะมีการปฏิรูปกองทัพภายใน 100 วัน โดยในที่สุดเมื่อผ่านไปจวบจนเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก็ยังไม่มีควาบคืบหน้าเรื่องการปฏิรูปใด ๆ แต่แดงก็ยังคงกล่าวว่า “ขีดเส้นตายไว้ต้องก่อนที่ผมจะเกษียณผมจะทำให้สำเร็จ” …จนป่านนี้ก็เกษียณแล้ว ?
12-การปฏิรูปกองทัพที่อดีตผบ.ทบ.แดงอ้างไว้มีมาตรการดังนี้
- ปรับปรุงมาตรการป้องกันคลังอาวุธให้รัดกุมกว่าเดิม
- เปิดช่องทางให้มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตและไม่เป็นธรรมในกองทัพ
- กวาดล้างเรื่องธุรกิจในกองทัพ
- ลงนาม MOU ร่วมกับกรมธนารักษ์ใน “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” เพื่อปรับกรุงธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกองทัพให้โปร่งใสมากขึ้น
13-ผ่านไป 1 ปี ทางกองทัพอ้างว่ามีการรับผิดชอบโดยการไม่ให้ผู้บัญชาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนร้ายได้มีการเลื่อนยศใด ๆ เป็นการลงโทษ พร้อมทั้งมีการจัดให้ธุรกิจของกองทัพ อาทิ สนามกอล์ฟ 33 แห่งจาก 36 แห่งเพื่อใช้ประโยชน์เป็นสวัสดิการภายใน และปิดค่ายมวยอดิศรและค่ายมวยสุรนารี พร้อมทั้งเปลี่ยนสนามมวนลุมพินีเป็นพื้นที่สำหรับจัดการกีฬาที่ไม่มีการแข่งขัน เพื่อเป็นการล้างการพนัน และป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจภายในกองทัพอีก ซึ่งการปรับเปลี่ยนเหล่านี้เป็นสิ่งที่กองทัพอ้างว่าเป็นการ “ปฏิรูป”

ไว้อาลัยสื่อไร้จรรยาบรรณที่ยังคงคุณภาพ #สื่อไร้จรรยาบรรณ
14-ในช่วงเวลานาทีชีวิต ที่ผู้บริสุทธิ์มากมายต่างซ่อนตัวอยู่ภายในห้างเพื่อ “หนีตาย” เพราะคนร้ายยิงทุกคนที่พบเจอทั้งหมดโดยไม่เลือก และผู้คนข้างนอกต่างสรรหากลวิธีที่จะติดต่อให้ความช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในห้างทุกวิถีทางผ่านสื่อโซเชียล เพราะคนร้ายถูกระงับเฟซบุคเพื่อไม่ให้ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ แต่สื่อมวลชนกระแสหลักอย่าง “อมรินทร์ทีวี” และ ช่อง “One” กลับไลฟ์สดพูดคุยกับผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ จนคนร้ายรู้ที่ซ่อนและตามไปฆ่า
15-จนเกิดกระแส #แบนช่องone และ #แบนAmarinTV #สื่อไร้จรรยาบรรณ #แบนช่องไทยรัฐ ที่สังคมต่างประณามและตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณสื่อ ที่โหยเรตติ้งจนไม่ใช้วิจารณญาณในการทำงาน และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยใด ๆ

16-หนึ่งปีผ่านไป กระแสเหล่านี้ไม่เคยทำลายความไร้จรรยาบรรณของหลายสื่อดังกล่าวได้เลย เพราะหลังจากเหตุร้ายจบ หนึ่งปีที่ผ่านมาสื่อเหล่านี้ยังคงทำงานมุ่งเรียกเรตติ้งจนชาวประชากล่าวประณามหลายครั้ง ทั้งกรณีข่าว #ลุงพล ที่สื่อเหล่านี้สร้างความนิยมให้กับผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม สร้างค่านิยมบิดเบี้ยวในสังคม ทั้งยังมีกรณีเรื่องเผยแพร่ข่าวโจมตีมวลชนคณะราษฎร 2563 ในการเรียกร้องประชาธิปไตยอีกด้วย
17-หนึ่งปีที่ผ่านไป แม้คนไทยจะไม่ลืมโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหาย และ “คำสัญญา” ที่จะปรับปรุงตัว กลับลืมไปแล้วสิ้น… และความ “ลืมง่าย” และ “ไม่รับรู้บทเรียน” เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้สังคมไทยยังวนลูปอยู่กับหลาย ๆ วัฒนธรรม หลาย ๆ การกระทำที่ “แช่แข็ง” การพัฒนาประเทศต่อไป เพราะแม้คนไทยจะไม่ได้ลืมง่าย แต่รัฐบาล กองทัพ และสื่อมวลชน ที่เป็นบังเหียนกุมความเป็นไปของประเทศกลับตั้งใจที่จะลืม ฉะนั้นคนไทยจึงเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อการไม่รับรู้บทเรียนในประเทศนี้ต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ #กราดยิงโคราช ครั้งนี้เท่านั้น

ที่มาข้อมูล
1-https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/119182
2-https://www.bbc.com/thai/thailand-51431600
3-https://news.thaipbs.or.th/content/288786
4-https://www.posttoday.com/social/general/614251
5-https://siamrath.co.th/n/132010
6- https://www.thairath.co.th/news/politic/2028231
9-https://techsauce.co/news/social-comment-media-ban-channel-one
10-https://www.matichon.co.th/region/news_1962166