ใครหลายคนคงเคยได้ยินเรื่อเรื่อง “ภาวะหมดไฟ” หรือ “Burnout Syndrome” ในแง่ของอาการเหนื่อยล้า เหนื่อยหน่ายในเรื่องการงาน อันมีสาเหตมาจากความเครียดจากงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพัก การต้องทำงานที่มีความกดดันระยะยาว ยืดเยื้อ มองไม่เห็นฝั่ง หรือการทำงานโดยไม่ได้รับสิ่งตอนแทนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะในเรื่องเงิน หรือ “คุณค่า” ที่ได้จากงาน ฯลฯ
สังคม
ไม่กี่วันมานี้สังคมยังได้เวียนมาถกเถียงเกี่ยวกับการ Body Shaming อีกรอบ จากกรณีของหม่อมลูกปลา ที่ถูกเชิญไปทำคอนเทนท์วิดิโอ ที่มีการเปรียบเทียบฟีดแบ็กจากการให้ผู้หญิงหุ่นดีแต่งตัวสวย กับผู้หญิงรูปร่างท้วมกว่าและไม่แต่งหน้า ไปไล่ขอกอดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในเมือง จึงปรากฏภาพผู้หญิงท้วม ไม่แต่งตัวสวย ถูกไล่ตะเพิดพร้อมกับถ้อยคำทำร้ายใจ ในขณะที่ผู้หญิงที่ผอมกว่าแต่งตัวสวยกว่าได้รับปฏิกิริยาตรงกันข้าม แถมยังโดน Sexual Harassment ไปพร้อมกันด้วย
หลายคนคงเคยสงสัย ฉงนใจปนเวทนาอยู่นิดๆ ว่าทำไม? มนุษย์ “สลิ่ม” ที่เราพบเจอกันอยู่ทุกวันนี้ หากไม่ใช่เหล่าชนชั้นสูงที่ได้รับประโยชน์จากการพึ่งพาอภิสิทธิ์ของเหล่าขั้วอำนาจต่างๆ อยู่แล้ว แต่เป็นชนชั้นกลางไปจนถึงล่างที่อยู่ไกลจากผลประโยชน์เหล่านั้น ถึงได้ยึดมั่นในจุดยืนที่จะปฏิเสธ “ความเท่าเทียม” อย่างสุดจิตสุดใจ ทั้งยังสนับสนุน “อำนาจนิยม” และถือข้างผู้มีอำนาจในทุกสถาบัน ไม่ว่าจะอวยนายก ยกชูสถาบันกษัตริย์ขึ้นเหนือหัวพร้อมปฏิญาณกู่ก้องว่าจะปกป้องยิ่งชีพ
สังคมที่เท่าเทียม ไม่ใช่การปล่อยให้คนพิการเข็นวีลแชร์บนถนนแย่ๆ “เท่าเทียม” กับคนอื่นแต่คือการอุดช่องว่างแห่ง “ข้อจำกัด” ให้พวกเขาเคลื่อนที่แบบใดก็ได้โดยที่ปลอดภัย “เท่าเทียม” กับคนอื่น
เราอาจเคยมีเพื่อน หรือคนใกล้ตัวที่ทนอยู่ในความสัมพันธ์เป็นพิษ(Toxic Relationship) ที่นอกจากจะไม่ส่งเสริมอะไรในชีวิตเลยแม้กระทั่งความสุข และความสบายใจ บางครั้งยังทำให้เหนื่อยมากขึ้น ทั้งเหนื่อยใจกับการรับมือกับนิสัยชอบสร้างปัญหาของคนรักที่ต้องไปตามล้างตามเช็ดทั้งยังมานั่งน้อยเนื้อต่ำใจในคำพูดร้ายๆ คำดูถูกดูแคลนจากปากคนรัก ที่ออกมาบ่อยกว่าคำบอกรัก แต่ก็ยังทนกับพฤติกรรมแย่ๆ เพราะหวังว่าตนจะสามารถเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ นั้นได้
ตั้งแต่เด็ก… ผมมักถูกสอนว่าประเทศไทยนี่เป็นดินแดนวิเศษที่แสนสงบสุข เราคนไทยทุกคนรักกันดุจญาติสนิท เราสามารถเรียก“ป้า”กับคนขายส้มตำ “น้อง…” กับสาวเบอร์ตอง “ลุง”วิศวกรนักแม่นปืน หรือ “พี่”ช่างแอร์ในตำนาน
เราก็ใช้สรรพนามที่เรียกญาติเรามาเรียกเลย